10 ข้อแนะนำความปลอดภัยในการใช้หมวกนิรภัย
1. ไม่มีหมวกนิรภัยใดสามารถปกป้องผู้สวมใส่จากการขับขี่ที่ไม่ปลอดภัยที่แรงกระแทก ทั้งความเร็วสูง และความเร็วต่ำ
อย่างไรก็ตามเพื่อการปกป้องสูงสุด ผู้ใช้ต้องเลือกหมวกนิรภัยที่มีขนาดพอดีกับศรีษะ และต้องรัดสายรัดคางให้แน่น หมวกนิรภัยไม่ควรบดบังการมองขณะสวมใส่ ถ้าหมวกนิรภัยมีขนาดใหญ่เกินไปในเวลาขับขี่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าหมวกนิรภัยหลุดออกในขณะขับขี่ หรือหมวกนิรภัยเองไปบดบังทัศนียภาพ ถ้าเป็นเช่นนั้นหมวกนิรภัยไม่สามารถปกป้องผู้สวมใส่จากการบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตได้
2. ใช้หมวกนิรภัยที่กระชับต่อศรีษะ และสายรัดคางจะต้องรัดอยู่บริเวณใต้คางเท่านั้น
วิธีการใส่หมวกนิรภัย ใช้มือดึงแยกสายรัดคางออกด้านข้างทั้งสองข้าง แล้วสวมเข้า แล้วตรวจสอบความพอดีของหมวกโดยการส่ายหัวซ้ายและขวา และหยักศรีษะขึ้นและลง โดยไม่ต้องรัดสายคาง ถ้าตรวจแล้วหลวมก็แสดงว่าหมวกนิรภัยนั้นไม่พอดี ใหญ่เกินไปสำหรับคุณ การตรวจสอบสายรัดคางไม่ว่าจะเป็น D RING หรือกิ๊บล็อค ให้รัดสายรัดคางให้กระชับใต้คางโดยไม่ถึงคอหอย วิธีทดสอบขณะสวมหมวกนิรภัยแล้วให้ดึงหมวกไปข้างหลัง ถ้าหลุดออกแสดงว่าหมวกนิรภัยนั้นไม่พอดี ดังนั้นถ้าหมวกนิรภัยไม่พอดีกับศรีษะ และสายรัดคางไม่พอดีจะทำให้หมวกนิรภัยหลุดออก ไม่ปกป้องศรีษะผู้ขับขี่ และอาจเป็นเหตุให้บาดเจ็บหรือตาย
3. หมวกนิรภัยได้รับการออกแบบมาเพื่อรับแรงกระแทกได้เพียงครั้งเดียว
ดังนั้นหมวกนิรภัยที่ปกป้องผู้ใช้จากแรงกระแทกแล้วนั้น คุณควรจะเปลี่ยนหมวกทันที หมวกนิรภัยของท่านได้รับการออกแบบ ให้รับแรงกระแทกโดยกระจายแรงกระแทกส่วนใหญ่ ออกด้านข้าง ถึงแม้สภาพภายนอกจะดูไม่เสียหาย แต่คุณสมบัติจะด้อยลงหรือสูญเสียไป หลังจากถูกกระแทกระหว่างขับขี่ ยกตัวอย่างเช่น เกิดอุบัติเหตุโดยที่ตัวคุณและหมวกนิรภัยกระแทกพื้น หรือวัตถุบางอย่างในการกระแทกนั้น ส่วนซึมซับแรงกระแทกนั้นจะยุบตัวลงเมื่อเกิดขึ้นแล้วความสามารถในการดูดซับแรงกระแทกจะด้อยลงหรือสูญเสียไป ภายนอกอาจจะดูเหมือนเดิม แต่หมวกจะไม่สามารถให้การปกป้องได้อีก เพราะฉะนั้นหมวกนิรภัยที่เคยถูกกระแทกแล้วนั้น ควรจะนำไปทำลายหรือเปลี่ยน ถ้าคุณมีข้อสงสัยเป็นต้นว่า คุณทำหมวกนิรภัยหล่น หรือถูกกระแทก และคุณไม่มั่นใจว่าจะเข้าตามกฎที่กล่าวมาหรือไม่ คุณสามารถปรึกษาตัวแทน ก่อนนำมาใช้
4. ทำความสะอาดหมวกนิรภัยด้วยความระมัดระวัง
ห้ามใช้น้ำร้อนหรือน้ำเกลือ, เบนซิน, น้ำยาเช็ดกระจกหรือสารละลายอื่นๆ หมวกของท่านอาจเสียหายได้อย่างหนักได้ โดยที่ท่านไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก ผิวนอกจะเสียหายหรือด้อยคุณสมบัติ และไม่สามารถให้การปกป้องท่านจากอุบัติเหตุได้ ส่งผลให้ท่านอาจได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้ วิธีที่ถูกต้องในการทำความสะอาดคือ ผสมสบู่เหลว 5-6 หยด กับน้ำอุ่น 1/4 ลิตร จุ่มผ้าลงในของผสมนี้นำมาเช็ดทำความสะอาด เช็ดอีกครั้งด้วยน้ำเปียก
ในกรณีที่เป็นหมวกสีด้าน การทำความสะอาด คือ นำน้ำยาล้างจาน 3-4 หยดมาผสมกับน้ำสะอาดพอประมาณ จุ่มผ้าลงในน้ำที่ผสมไว้กับน้ำยาล้างจาน นำมาเช็ดทำความสะอาดและเช็ดอีกครั้งด้วยน้ำสะอาดธรรมดาจนทั่ว สุดท้ายใช้ผ้าแห้งเช็ดทำความสะอาดครั้งสุดท้าย
5. ไม่ทำการดัดแปลงสภาพหมวกนิรภัย
มีอันตรายสูงมากหากท่านทำการเจาะหรือตัดแต่งผิวภายนอก หรือดัดแปลงในส่วนของการรับรองแรงกระแทก การดัดแปลงทุกประเภทจะทำให้หมวกนิรภัยสูญเสียคุณสมบัติ มีผลทันทีต่อการรองรับแรงกระแทก เช่น การตัดส่วนคางหมวกนิรภัย หรือขอบยางต่างๆ อาจเป็นสาเหตุให้เกิดความบาดเจ็บจากอุบัติเหตุได้ จำเป็นที่จะต้องใช้ชิ้นส่วนที่ได้รับการรับรองจาก Index เท่านั้น เช่น ถึงเวลาเปลี่ยนแผ่นหน้าหมวกนิรภัย, น๊อตต่างๆ หรืออะไหล่ส่วนอื่น หมวกกันน็อคที่คุณภาพต่ำหรือหมวกที่ได้รับการดัดแปลงแล้วจะไม่ ปกป้องศรีษะ
6. ควรดูแลหมวกนิรภัยของคุณให้อยู่ในสภาพที่ดี
ห้ามแขวนหมวกนิรภัย ในขณะที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ และห้ามแขวนหมวกนิรภัยที่บนกระจกมองหลัง ห้ามนั่งบนหมวกนิรภัย หรือขว้างหมวกนิรภัย ผู้ใช้หมวกนิรภัยไม่ควรนำส่วนรองรับแรงกระแทก เช่น ซับใน ไม่ควรตากแดดแรงๆ หรือที่มีความร้อนสูงมาก เช่น ฮีตเตอร์ หรือที่ๆ มีอุณห๓มิสูงกว่า 50 องศาเซลเซียส หรือหลีกเลี่ยงการฉีดสเปรย์ย่าฆ่าแมลง ใกล้หมวกกันนิรภัย การดูแลหมวกนิรภัยที่ไม่ดีจะมีส่วนทำลายเปลือกหมวก และส่วนรับแรงกระแทก ที่สำคัญจะลดคุณสมบัติในการปกป้องศีรษะจากอุบัติเหตุได้
7. จะต้องตรวจสอบหมวกนิรภัยก่อนใช่เสมอ
7.1 ตรวจแผ่นหน้าหมวกและน๊อตยึดต่างๆ ตรวจสอบความแน่นหนา
7.2 ตรวจสอบรอยแตกของหมวก น้ำกรดแบตเตอรี่สามารถทำลายแผ่นหน้าหมวกได้ ถ้าคุณพบรอยแตกร้าวที่แผ่นหน้าหมวกนิรภัยให้หยุดใช้หมวกนิรภัยนั้นทันที
7.3 ชิ้นส่วนที่มีส่วนประกอบที่เป็นพลาสติกจะมีอายุการใช้งานประมาณ 3 ปี หลังจากผลิต ถ้าคุณพบว่าชิ้นส่วนใดที่เสื่อมสภาพแล้วให้เปลี่ยนส่วนประกอบนั้น หรือไม่ก็เปลี่ยนหมวกนิรภัยใบใหม่ เพราะถ้าชิ้นส่วนที่เสื่อมสภาพแล้วอาจจะหลุด หรือหล่นในขณะขับขี่ และอาจจะไปบดบังทัศนียภาพการมองเห็น อาจเป็นเหตุให้เกิดการบาดเจ็บหรือถึงตายได้
7.4 ตรวจสอบการใส่ได้พอดีกับศีรษะ
7.5 ตรวจสอบชิ้นส่วนรองรับแรงกระแทกด้านในทั้งส่วนกลางและที่แก้มติดแน่นหนาที่หมวกนิรภัย ก่อนใช้หรือไม่
8. ตรวจสอบแผ่นหน้าหมวกนิรภัยให่อยู่ในสภาพที่ดีเสมอ
ถ้าหน้าหมวกนิรภัยมีรอยขีดข่วนมากหรือไม่สามารถทำความสะอาดได้ให้เปลี่ยนใหม่ทันที การบดบังทัศนียภาพอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ การทำความสะอาดควรใช้น้ำสบู่อ่อน และน้ำสะอาด และเช็ดให้แห้งด้วยผ้านิ่ม ห้ามใช้น้ำมันต่างๆ, น้ำยาเช็ดกระจก หรือน้ำยาล้างทุกประเภท ห้ามแปะสติกเกอร์ หรือเทปที่ติดแน่นมากๆ ที่หน้าหมวกนิรภัย เพราะจะไปทำลายชั้นผิวที่ชุบแข็งกันเป็นรอยได้ ห้ามขับขี่ในขณะที่หน้าหมวกนิรภัยมัว หรือสกปรก เพราะการที่มองเห็นได้ไม่ชัดเจนเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุที่อันตรายถึงบาดเจ็บหรือตาย
9. ห้ามทำสีใหม่บนหมวกนิรภัย
เราไม่แนะนำให้คุณทำสีหมวกนิรภัยใหม่ เพราะสีและทินเนอร์สามารถทำลายวัตถุดิบและโครงสร้างของหมวกนิรภัยได้ หมวกนิรภัยที่เสียหายหรือด้อยคุณภาพโดยการทำสี จะไม่สามารถปกป้องอุบัติเหตุ และเป็นสาเหตุให้บาดเจ็บหรือถึงตาย
10. ข้อต้องจำ หมวกนิรภัยจะจำกัดเสียง และลดประสาทการรับรู้ความเปลี่ยนไปของสิ่งแวดล้อม
เมื่อคุณใส่หมวกนิรภัยโดยเฉพาะหมวกนิรภัยชนิดหุ้มคาง จะไปรบกวนประสาทการรับรู้ตั้งแต่ละอองน้ำ หรืออุณหภูมิที่แตกต่าง เช่นในกรณีที่คุณอยู่ในอุโมงค์ หรืออยู่บนเขาสูงอาจจะบดบังการมองเห็น ห้ามขับขี่ในขณะที่หน้าหมวกนิรภัยขึ้นฝ้า การใส่หมวกนิรภัยก็จะลดประสิทธิภาพการได้ยินเสียงจราจรต่างๆ โดยเฉพาะขณะที่ใช้ความเร็วสูง และหมวกนิรภัยรุ่นหุ้มคางเวลาเปิดหรือปิดหน้าหมวกนิรภัยก็สร้างความแตกต่างของการได้ยินเช่นกัน เพื่อความปลอดภัย ผู้ใช้จะต้องตื่นตัวตลอดเวลาถึงสภาพถนน, ชนิดของหมวกนิรภัย และความเร็ว